วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

10 แห่งที่ไม่ควรไปก่อนตายจริงๆ

10 สถานที่ในโลกที่...ไม่ควรไป(เหยียบ)
10 สถานที่ในโลกที่...ไม่ควรไป(เหยียบ)




10.Bubbly Creek



เป็นชื่อเล่นที่ตั้งแม่น้ำทางใต้ของชิคาโก อิลลินอยด์แต่เดิมเป็นพื้นที่ธรรมดา หากแต่เมื่อในช่วงศตวรรษที่ 19


สถานที่แห่งนี้กลายเป็นที่ทิ้งซากสัตว์ที่มาจากโรงฆ่าสัตว์จำนวนมาก เช่นเลือดและอวัยวะภายในลงไปในน้ำ


ส่งผลทำให้เกิดฟองก๊าซมีเทนและก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ ทำให้น้ำมีพิษสูงบริเวณโดยรอบกลิ่นเหม็น


แม้มีโปรแกรมอัดอากาศลงในน้ำจนเกิดผลสำเร็จอยู่บ้างแต่ทางการก็ออกประกาศต่อคนในห้องถิ่นว่า

ไม่ควรอยู่ใกล้สถานที่นี้หากไม่จำเป็น และพื้นที่แห่งนี้ถูกนำมาเขียนเป็นนวนิยาย

ในชื่อ The Jungle: UptonSinclair ที่วิจารณ์อเมริกาในเรื่องอุตสาหกรรมบรรจุเนื้อสัตว์







9.Centralia, Pennsylvania









คุณเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Silent Hill(เมืองห่าผี) สิ่งที่หลายคนมักจดจำเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ

ฉากเมืองที่มี หมอก หรือควัน อะไรสักอย่างปกคลุมจนมองข้างหน้าไม่เห็น


หลายคนเห็นเมืองแบบนี้แล้วน่ากลัวไม่อยากจะไปเลย หากแต่คุณเชื่อหรือไม่ว่าบนโลกแห่งนี้มีเมืองลักษณะแบบนี้อยู่

เมืองนี้มีชื่อว่าเซ็นทราเลีย รัฐเพนซิลวาเนียสมัยก่อนเมืองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุตสาหกรรมเหมืองถ่านหิน


มีทั้งสถานีรถไฟ โบสถ์ โรงแรมห้าดาว โรงเรียน โรงละคร ธนาคาร ไปรษณีย์และร้านค้าทั่วไป


แต่แล้วในปี 1962 ได้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ใหญ่ในเมืองนี้ขึ้นโดยต้นเพลิงมาจากมีคนจุดไฟเผาขยะทิ้งไว้ในบ่อของเหมือง


จากนั้นไฟได้ติดถ่านหินและขยายวงกว้างจนคลุมพื้นที่ใต้ดินของบ้านเรือนทั้งหมด ไฟได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว


แม้มีการพยายามใช้เงินนับล้านในการดับไฟแต่ก็ไม่เป็นผล และมันก็ยังไหม้อยู่จนทุกวันนี้(นานกว่า 40 ปีเข้าไปแล้ว)


หลายคนได้รับพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ทั้งในอากาศและการปนเปื้อนรวมถึงการเกิดเหตุดินยุบลึกลงไปเป็นร้อยฟุต


จนทางการต้องหาที่อยู่ใหม่แก่ชาวเมือง แต่อย่างไรก็ตามก็มีบางครอบครัวเลือกที่จะอยู่ต่อ และพวกเขาก็ยังอยู่ที่นั่น


แม้ว่ารัฐเพนซิลวาเนียจะประกาศห้ามใช้ตึกทุกหลังในเมืองนั้นและกรมไปรษณีย์สหรัฐได้ยกเลิกรหัสพื้นที่ของที่นั่นก็ตาม


ในปี 1981เซ็นทราเลียมีผู้คนอาศัยอยู่ถึง 1,000 ครัวเรือนแต่ปัจจุบันจำนวนลดจนแทบนับจำนวนคนได้










8. Dallol






บางทีสถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นสถานที่สวยงามที่สุดใน 10 อันดับของเราเพราะว่าดูจากภาพเราได้เห็นทิวทัศน์ที่แปลกตา


มีสีสันมากมายไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง สีส้ม สีเขียว หรือสีแดงซึ่งเกิดจากเกลือร้อนๆ เดือดปุดๆ โดยดูความสวยงามได้ที่คลิปข้างล่าง

http://www.youtube.com/watch?v=utBszQxJuwM&feature=player_embedded

Dallolเป็นสถานที่ที่อยู่ทางเหนือของเอธิโอเปีย(แค่ชื่อประเทศก็ไม่น่าไปแล้วล่ะมั้ง) ในระดับสูง 50 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล


ซึ่งเป็นพื้นที่เมืองผี(หมายถึงเมืองร้าง)สาเหตุพื้นที่แห่งนั้นใกล้ภูเขาไฟทำให้อุณหภูมิในพื้นที่นั่นร้อนเกินไป


ไม่เหมาะจะเป็นสถานที่อยู่อาศัยนอกจากนี้สถานที่แห่งนี้ยังถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ห่างไกลที่สุดในโลกถนนก็ไม่มี


การขนส่งต้องไปทางบกโดยใช้อูฐของคาราวาลเท่านั้นเพื่อไปเก็บเกลือซึ่งมีอยู่เต็มในบริเวณนั้น


แม้ครั้งหนึ่งที่แห่งนี้เคยมีรางรถไฟหากแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2มันก็ถูกปิดตัวลงเนื่องจากมีเส้นทางการค้าที่ดีกว่ามาทดแทน


ส่วนสาเหตุสถานที่แห่งนี้ไม่ควรไปเนื่องจากมันตั้งอยู่ใกล้ชายแดนที่มีความขัดแย้งในหลายปีที่ผ่านมานักท่องเที่ยวที่พยายาม

จะเป็นสถานที่แห่งนี้มักถูกกลุ่มโจรทำอันตรายอยู่บ่อยครั้ง แต่หากคุณอยากจะไปเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้จริงๆ


คุณจำเป็นต้องมียานพาหนะติดอาวุธไปด้วย










7.Hanford Site






แฮนฟอร์ด สถานที่แห่งนี้อยู่ในภาคใต้ของวอชิงตัน อเมริกาอดีตเคยเป็นชุมชนเกษตรกรรมขนาดเล็ก ก่อนที่ในปี 1943


พื้นที่แห่งนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในโครงการแมนฮัตตันในการผลิตพลูโตเนียมเพื่อใช้ในโรงงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุด

ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และในช่วงสงครามเย็น และเนื่องด้วยผลิตพลูโตเนียมมากเกินไป


ทำให้ของเสียกากกัมตภาพรังสีออกมามีจำนวนมากจนทางรัฐบาลไม่มีแผนจะจัดการสารดังกล่าวจนเป็นเหตุ

ทำให้พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยการปนเปื้อนกากกัมตภาพรังสีและปนเปื้อนระบบนิเวศในอากาศ


ทำให้มีประชาชนพื้นที่แห่งนี้ได้รับสารก่อมะเร็งและสารพิษหลายราย










6. Dzerzhinsk






เมืองเดอร์ซินสค์ เป็นเมืองที่อยู่ในรัสเซีย ตั้งอยู่บนแม่น้ำ Okaอยู่ไม่ไกลจากทางตะวันออกของกรุงมอสโก

ประมาณ 400 กิโลเมตรเมืองนี้ก่อตั้งเมื่อปี 1920 ตามนายเฟลิกซ์ เซียรชินสค์หัวหน้าหน่วยเคจีบีคนแรก


(ในสมัยก่อนเรียกหน่วยนี้ว่า หน่วย เชก้า )

จุดเริ่มต้นที่เมืองนี้กลายเป็นสถานที่น่ากลัวเริ่มขึ้นเมื่อปี1941(จนถึงปัจจุบัน) โดยปี 1941ก่อนจะถึงในสมัยสงครามเย็นนั้น

เมืองแห่งนี้ได้กำหนดเป็นแหล่งผลิตอาวุธเคมีชั้นนำของประเทศ ซึ่งอาวุธเคมีที่ว่าล้วนเป็นพิษและอันตรายทั้งสิ้น


ไม่ว่าจะเป็นไดออกซิน , สารหนู, ซาริน , เลวิไซต์ , ซัลเฟอร์มัสตาร์ด ,ไฮโดรเจนไซยาไนด์ , ฟอสจีน และตะกั่ว


รวมทั้งอินทรีย์เคมีอื่นๆจนกระทั้งมีการหยุดผลิตสารพิษนี้ลงก็ถึงคราวเกิดปัญหาเมื่อทางรัฐบาลไม่รู้จะจัดการสารพิษ

จำนวนมากนี้ได้อย่างไร ทำให้มีการจัดการแบบง่ายๆ คือเอาไปฝังดินหรือทิ้งลงแม่น้ำส่งผลทำให้มีสารตกค้างจนถึงทุกวันนี้

และประชากรนั้นเมืองนี้ป่วยและตายด้วยสารพิษตกค้างเพิ่มขึ้นทุกปีปัจจุบันเมืองแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางผลิตสารเคมี

และได้ถูกระบุว่ามีระดับมลภาวะที่เลวร้ายที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง น้ำประปาปนเปื้อน สารเคมีตกค้าง

และเมืองแห่งนี้ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากภายนอกเข้าชม







5. Dharavi






เป็นสลัมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย อยู่ในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ที่หลายๆเว็บบอกว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เจาะลึก

สภาพชีวิตของอินเดียชนิดที่เรียกว่าไม่ไปสถานที่แห่งนี้แสดงว่าคุณไม่ไปถึงอินเดียที่แท้จริง สาเหตุที่ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยว

เพราะว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งทำเครื่องปั้นดินเผาและอุตสาหกรรมสิ่งทอส่วนสาเหตุที่แออัดก็ง่ายมากอินเดีย

เป็นประเทศที่ประชากรมากอันดับต้นๆของโลกแต่คุณภาพชีวิตประชาชนต่ำดังนั้นพวกเขาเลยแห่ไปยังเมืองหลวงเพื่อหางานทำ


แต่ว่าเมืองมุมไบที่กินที่อยู่แพงเหลือเกินดังนั้นสลัมจึงเป็นทางเลือกที่ดี โดยค่าเช่า 185 รูปี(4เหรียญสหรัฐ)ต่อเดือนเท่านั้น

Dharaviเป็นพื้นที่สลัมที่มีประชากรเกินกว่าหนึ่งล้านคน แออัดในพื้นที่ 2.2ตร.กม. สภาพแวดล้อมที่นั้นสกปรกและแออัด


อีกทั้งผู้คนในที่แห่งนี้ดูแล้วไม่เป็นมิตรบรรยากาศเหมือนบอกว่านี้ไม่ใช่สถานที่ที่นักท่องเที่ยวมาเดินน่ะเฟ้ย


พื้นที่ส่วนใหญ่รถเข้ามาไม่ได้ระบบระบายน้ำก็ดีมากชนิดว่าฝนตกเมื่อไหร่น้ำท่วมเมื่อนั้น และปี 2006


มีสถิตน่าสนใจคือห้องน้ำสาธารณะในพื้นที่แห่งนี้หนึ่งห้องต้องรองรับคนกว่า1440 คนต่อวัน(คงไม่ต้องถามว่าสกปรกไหม)


ผลคือเมืองแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยปัสสาวะและสิ่งปฏิกูลต่างๆนำไปสู่การแพร่ระบาดของโรคติดต่อ


และพื้นที่แห่งนี้ได้ปรากฏในภาพยนตร์เรื่อง Slumdog(2008) ด้วยน่ะ







4.Linfen






เมืองเทียนหยิงอยู่ในมณฑลอานฮุยทางภาคใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีนเมืองแห่งนี้มีปรากรกว่า 4.2 ล้านคน


และเมืองแห่งถูกอ้างเสมอว่าเป็นเมืองที่สกปรกที่สุดในโลกโดยมลพิษแห่งนี้ปกคลุมอยู่ทั่วเมืองเสมือนหมอกควัน

สาเหตุมลพิษเหล่านั้นมาจากการเผาไหม้ของถ่านหินโรงงานไฟฟ้าและโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีขั้นต่ำที่ผิดกฎหมาย

มาใช้ในการผลิตแม้ว่าเมืองแห่งนี้จะถูกกดดันจากสื่อและหน่วยงานด้านแวดล้อมแล้วก็ตามแต่กระนั้นจนถึงปัจจุบัน

เมืองแห่งนี้ก็ยังคงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมลพิษสารตะกั่วและโลหะหนักเหมือนเดิมชาวจีนที่อาศัยอยู่ที่นี้จะต้องถูกบังคับ

ให้สวมหน้ากากป้องกันจมูกตลอดวันมีรายงานว่าบางวันควันปกคลุมหนาแน่นมากจนมีบางเวลาที่คุณไม่เห็นมือของตนเอง


เวลาจะสัญจรด้วยรถจะต้องเปิดไฟตลอดเวลาและเด็กในเมืองนี้ป่วยเพราะสารพิษนี้เพิ่มขึ้นทุกปี







3. Room 39






เกาหลีเหนือแน่นอนมันกลายเป็นสถานที่ที่คุณไม่อยากจะไปอีกแห่งของโลกซึ่งไม่แนะนำให้คุณวางแผนไปท่องเที่ยวประเทศนี้

ในวันหยุดแน่นอนส่วนชื่อห้อง 39นั้นเป็นชื่อสำนักงานหรือหน่วยงานลับที่คาดว่าที่ทำการอยู่ที่เปียงยางเกาหลีเหนือ


ก่อตั้งในปี 1970โดยมีวัตถุประสงค์ในการรักษาเงินและเพิ่มเงินในกระเป๋าของท่านผู้นำคิม จองอิล(เจ้าประจำ)


โดยอย่างที่รู้กันว่าประเทศเกาหลีเหนือเป็นประเทศสันโดษความเป็นอยู่ในสภาพอดอยาก ประชาชนเป็นอยู่อย่างยากแค้น


ทำให้ไม่เกิดการพัฒนาหลายด้านทำให้ท่านผู้นำไม่สามารถหาเงินหรือใช้เงินได้สะดวกดังนั้นองค์กรนี้จึงได้ตั้งขึ้นเพื่องานนี้

โดยเฉพาะโดยคาดว่าเงินในกระเป๋าของผู้นำนี้มีเงินกว่า 5,000,000,000 ดอลลาร์องค์กรนี้จะทำวิธีไหนก็ได้เพื่อรักษาเงิน

หรือเพิ่มเงินให้ดีที่สุด เช่นฟอกเงิน ตั้งกองทุนปลอม ปลอมแปลงเงิน ทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น ค้าอาวุธ


ลักลอบขนยาเสพย์ติดและนอกจากนี้องค์กรนี้ยังมีอำนาจในการใช้เงินเพื่อสนับสนุนทางการเมืองและสร้างอาวุธนิวเคลียร์




2. Mogadishu






เป็นเมืองหลวงและใหญ่ที่สุดในโซมาเลีย ซึ่งเป็นประเทศแอฟริกาตะวันออก มีภูมิประเทศติดกับชายฝั่งทะเล

ในมหาสมุทรอินเดียที่ทำหน้าที่เป็นเมืองท่าสำคัญมานานหลายศตวรรษ หากแต่ในปี 1990


เมืองแห่งนี้เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนบัดดลเมื่อกองกำลังกบฏ

ที่นำโดยผู้นำทัพ โมฮาหมัด ฟาราห์ ไอดิค (Mohamed FarrahAidid)


ยึดเมืองเป็นฐานที่มั่น ส่งผลให้บ้านเมืองไม่มีกฎหมายประชากรอดอยาก


สหประชาชาติและอเมริกาเข้ามาแก้ปัญหาจนเกิดสงครามกลางเมือง

ทุกวันนี้โซมาเลียกลายเป็นพื้นที่หนึ่งที่มีเสภียรภาพน้อยที่สุดในโลกเพราะประเทศนี้ไม่มีรัฐบาลที่เป็นที่ยอมรับ


ประชาชนอดอยากขาดโปรตีนถนนหลายสายชำรุด อาคารหลายหลังถูกทำลายเนื่องจากโดนระเบิดใจกลางเมือง


โจรสลัดระบาดโจมตีเรือที่ผ่านบริเวณนี้ทุกปีกองโจรมุสลิมปกครองด้วยกฎหมายศาลเตี้ย นอกจากนี้ยังมีการระเบิดฆ่าตัวตาย


จนมีประกาศว่านักท่องเที่ยวที่จะมาประเทศโซมาเลียให้เว้นระยะห่างจากเมืองหลวง(จะไปทำไมเนี้ย)







1.Cite Soleil






เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นตั้งอยู่ในเขตเมืองไฮติ มีการประเมินว่ามีคนกว่า200,000 -300,000


คนอาศัยในพื้นที่แห่งนี้และนี้คือสถานที่แออัดที่สุดแห่งหนึ่งในโลกและยังเป็นหนึ่งในสถานที่อันตรายของโลก


มันไม่มีท่อระบายน้ำไม่มีร้านค้าใดๆ ไม่มีตำรวจ หรือไฟฟ้า หลังจากเกิดรัฐประหารในปี 1991


ประชาชนถูกเข้าสู่วงจรแห่งความยากจน ความว่างงานอยู่ในอัตราสูงประชากรไม่รู้หนังสือ


นอกจากนี้ยังเกิดสภาวะแก๊งติดอาวุธครองเมือง ในปี2004


เจ้าหน้าที่สหประชาชาติพยายามควบคุมพื้นที่หากแต่มันก็ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2010 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ของไฮติส่งผลทำให้ประชาชนกว่า 230,000 ล้านคน


230,000 คนเสียชีวิตและประชากรไฮติกว่าหนึ่งล้านคนไม่มีที่อยู่อาศัย


ทำให้สถานที่สลัมแห่งนี้ยิ่งทวีความเลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก เกิดอาชญากรรมแก๊งติดอาวุธเริ่มออกอาละวาดทั้งลักพาตัวปล้นจี้

ผู้คนส่วนใหญ่ในสลัมส่วนมากเป็นเด็กและเยาวชน และมีไม่กี่คนที่รอดจนถึงอายุ 50ส่วนมากเสียชีวิต

เพราะโรคเอดส์ โรคร้าย หรือความรุนแรงนอกจากนี้ยังเป็นแหล่งค้ามนุษย์ สมาชิกก่อการร้าย


นักโทษหนีจากคุกมันเป็นสถานทีน่ากลัวมากขนาดตำรวจไฮติยังไม่กล้าเข้าไปในนั้น










0. Orangi Town




เมืองแห่งนี้เป็นที่ตั้งถิ่นที่อยู่อาศัยของผู้อพยพในตะวันตกเฉียงเหนือของการาจีประเทศปากีสถาน มันมีขนาดใหญ่กว่าสลัมในเมืองมุมไบ
แต่มีความหนาแน่นน้อยกว่า และองค์ประกอบหลายส่วนไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่านี้คือสลัม(เพราะส่วนใหญ่คนที่อยู่อาศัยเป็นชนชั้นกลาง)
ประชากรที่นี้มีประมาณ 2.5ล้านคน(แม้ทางภาครัฐจะบอกว่า 200,000 คน)เป็นมุสลินกับชนกลุ่มน้อยจำนวนมากหลากหลายวัฒนธรรม
ส่งผลให้เมืองแห่งนี้ประสบปัญหาความขัดแย้งชาติพันธุ์ แม้ว่าจะมีโครงการนำร้องในการให้ความรู้และการพัฒนาสร้างท่อส่งน้ำ ถนนและคลินิก
แต่อย่างไรก็ดีหลังจากสงครามอัฟกานิสถานทำให้มีผู้อพยพมาจำนวนมาก ความรุนแรงของสองเชื้อชาติ(ปากีสและอัฟกัน)ธุรกิจจำนวนมากปิดตัวลง
ถนนถูกทิ้งร้างผู้คนต้องอาศัยอยู่แต่ในบ้านความรุนแรง การข่มขืน เหตุระเบิดฆ่าตัวตายลักพาตัว และการสังหารกลายเป็นเรื่องปกติของที่นี้
ส่งผลให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่อันตรายที่สุดของโลกในที่สุด


อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2225909&pno=1#comment#ixzz1SdAGEUv8